การทาสีบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังมีเรื่องที่หลายๆคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทาสีบ้าน และมักทำกันเป็นประจำ วันนี้เดลูต้าขอมาไขข้อสงสัยกันว่า ความจริงแล้ววิธีที่ถูกต้องทำอย่างไร ? เพราะต่อจากนี้การทาสีบ้านจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ถ้ารู้วิธีและเทคนิคเหล่านี้จากผู้เชี่ยวชาญ ไปดูกันเลยครับ…
1.แปลกจัง ทาสีบ้านเสร็จเรียบร้อย แต่ทำไมสีไม่ตรงกับสิ่งที่คิดไว้
เวลาที่เราไปเลือกซื้อสีทาบ้านกับทางร้าน เรามักจะเลือกสีจากแคตตาล็อกและเปรียบเทียบสีต่างๆจากทางร้าน เมื่อชอบแล้วก็ตัดสินใจเลือกในทันที ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะเวลามาทาสีบ้านจริงๆ มันมักจะไม่ตรงตามนั้น เพราะว่าแสงไฟที่ร้านกับที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ทำให้สีอาจผิดเพี้ยนไปได้
ข้อแนะนำ : ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสีมาทา ควรขอสีตัวอย่างจากทางร้านกลับมาลองทาก่อน ถ้าสีโดนแสงแล้วไม่ถูกใจจะได้เปลี่ยนสีใหม่ทันเวลา จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา เสียเงินแก้ไขในภายหลัง แค่นี้ก็ทำให้เราประหยัดความสิ้นเปลืองไปได้ส่วนหนึ่งแล้วครับ
2.เปิดฝาถังสีทิ้งไว้ระหว่างทาสีบ้าน คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
เพื่อความสะดวกหลายคนชอบเปิดฝาถังสีไว้ เพราะมันง่าย จุ่มแล้วก็ทา จะไปปิดทำไมให้เสียเวลา โดยลืมคิดไปว่าอาจจมีอุบัติเหตุที่ทำให้ถังล้มจนสีหกกระจายเต็มพื้น ทำให้เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งรอบตัวด้วยนะครับ
ข้อแนะนำ : ควรปิดฝาถังสีทุกครั้งในระหว่างใช้งาน เพราะถ้าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด สีจะได้ไม่เลอะพื้น แถมต้องมาเสียเวลาเช็ด และซื้อสีใหม่ให้เปลืองเงิน นอกจากนี้ บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงควรกันไว้ให้ห่าง ไม่อย่างนั้นบ้านของคุณอาจจะเต็มไปด้วยรอยประทับจากเจ้าตูบแสนซนของคุณได้นะครับ
3.ใช้ลูกกลิ้งแค่อย่างเดียว ก็ทาสีบ้านได้ทุกพื้นที่
ไม่เป็นความจริงนะครับ เพราะลูกกลิ้งจะมีขนาดใหญ่ และใช้สำหรับการทาบริเวณผนังที่กว้าง และบางครั้ง สำหรับคนที่ใช้ลูกกลิ้งทาสีก็อาจจะกลิ้งจนลืมดูว่าสูงเกินไป จนทำให้สีจากลูกกลิ้งติดเพดาน เลอะเทอะ ไม่สวยงาม
ข้อแนะนำ : ก่อนทาควรหาเทปกาวติดเพดานกันสีเลอะเอาไว้ก่อนทา หรือทาสีเฉพาะส่วนกลางผนังก่อน แล้วค่อยใช้แปรง ทาสีผนังบริเวณที่ติดกับเพดานในแนวขวาง ก็จะทำให้งานออกมาเนี้ยบโดยไม่ต้องตามแก้ทีหลังนะครับ
4.ทาสีซ้ำหลายๆรอบไปเลย จะได้ติดนานๆแน่นๆ ไม่ลอกแน่ !!
ผิดอย่างแรงเลยครับ เพราะการทาสีบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประตู ตู้ต่างๆ ควรทาสีเพียงรอบเดียวเพราะสีบางประเภท ออกแบบเพื่อให้คุณทาเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้สีติดทนแล้ง ไม่จำเป็นต้องทาหลายๆรอบ สิ้นเปลืองเงินเปล่าๆนะครับ
ข้อแนะนำ : ถ้าหากพื้นที่ไหนยังไม่โดนสี ค่อยทาสีย้ำเฉพาะพื้นที่ และการทาในส่วนเล็ก ๆ แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจุ่มสีเพิ่มหากมีสีเดิมค้างอยู่ที่ขนแปรงนะครับ หรือถ้าหากจำเป็นต้องทาซ้ำ ควรรอให้สีรอบแรกแห้งสนิทก่อนแล้วค่อยลงสีเพิ่ม เพราะถ้าสียังไม่แห้งดี จะทำให้เนื้อสีไม่เรียบ ไม่สวยงาม
5.เก็บสีไว้ในที่เย็น จะได้อยู่ได้นานๆ
ใครบอกว่าเก็บไว้ในที่เย็น เดลูต้าขอค้าน !! เพราะอุณหภูมิมีผลกับเนื้อสี ทำให้สีจับกันเป็นก้อน เสียของเปล่าๆ ที่สำคัญเก็บไว้ในที่มิดชิด พ้นมือเด็กๆจะดีมากครับ
ข้อแนะนำ : หลังการใช้งานจึงควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ ปิดฝาให้สนิท จะได้สามารถนำกลับมาใช้งานได้ นอกจากนี้ แนะนำว่าไม่ควรทาสีในวันที่อากาศเย็นเพราะความชื้นในอากาศจะทำให้สีแห้งยาก ควรทาในวันที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิปกติ ไม่ชื้นหรือร้อนจนเกินไป
6.ทาสีบ้าน จะทาเวลาไหนก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ไม่ควรเด็ดขาด เพราะบางคนคิดอยากจะทาเวลาไหนก็ทา เพราะมีเวลาว่างตอนนี้ ตอนเฉพาะช่วงเย็นๆ แสงน้อยๆ จะได้ไม่ร้อน แต่จริงๆแล้วมันอาจส่งผลที่ตามมาได้ และต้องทำให้คุณเสียเวลามาแก้ในภายหลังอีกครั้ง
ข้อแนะนำ : ถ้าอยากให้บ้านสวยเป๊ะ อย่าทาสีตอนเย็นหรือมีแสงน้อยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไม่เห็นความผิดพลาดและรอยต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรทาในเวลากลางวันที่มีแสงแดดเพียงพอ หรือเปิดหน้าต่างให้ผนังโดนแสงธรรมชาติระหว่างการทำงาน เพื่อให้เห็นเนื้อสีที่แท้จริงเห็นรอยตำหนิอย่างชัดเจน
7.ชอบสีไหนก็ทาสีนั้น
จริงๆแล้วหากคุณชอบสีไหนก็ควรเลือกสีนั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะนอกจากความชอบแล้ว ยังต้องดูและเลือกสีให้เหมาะสมกับพื้นที่บริเวณนั้นๆ เช่น ภายในห้องนอนควรเลือกเฉดสีอ่อน
ข้อแนะนำ : ถ้าอยากมีบ้านที่อยู่แล้วเย็นสบาย ช่วยประหยัดพลังงาน เดลูต้าขอแนะนำให้เลือกทาสีผนัง เฉดสีอ่อน เพราะสีเข้มจะดูดซึมความร้อนจากแสงแดดเข้ามาภายในบ้าน ทำให้บ้านร้อน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีสะท้อนแสงหรือสีที่มีสารเคลือบเงากับบริเวณที่มีพื้นผิวไม่เรียบ เพราะจะยิ่งเป็นการเน้นให้ส่วนที่มีรอยตำหนิชัดขึ้น หรือถ้าสีใหม่ที่จะทานั้นเข้มกว่าสีเก่าให้ทาสีรองพื้นก่อน
8.ไม่ต้องใช้สีกันคราบและความชื้น ทากลบก็จบได้
ความจริงแล้วมันไม่จบ เพราะ รอยด่างดำที่เกิดจากความชื้น อย่างเช่น คราบเชื้อรา มันทำให้บ้นดูไม่สวยงามเอาซะเลย หลายคนเลยตัดสินใจทาสีใหม่เพื่อกลบคราบสกปรกที่แก้ไม่หายจะได้จบเรื่อง ซึ่งไม่ควรทำ
ข้อแนะนำ : ไม่ว่าจะเป็นผนังปูนหรือผนังไม้ ควรทาสีกันคราบและความชื้นรองพื้นก่อนทาสีจริง หรือทางที่ดีควรเลือกสีที่มีส่วนผสมของสารป้องกันเชื้อราความชื้นจะดีมาก เพราะหากไม่แก้ที่ต้นเหตุสักวันก็เจอปัญหาแบบเดิมๆอยู่ดี โดยเฉพาะไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่ไวต่อความชื้น ซึ่งไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดครับ
9.ไม่ต้องติดเทปตามขอบประตูและหน้าต่าง
การทาสีบริเวณตามขอบประตูและหน้าต่างนั้นต้องใช้ความระวังมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากเผลออาจทำให้สีเลอะส่วนที่ไม่ต้องการจะทาได้ แถมบางพื้นที่อาจจะแก้ยากอีกต่างหาก
ข้อแนะนำ : ควรหาเทปกาวมาติดก่อนและลอกเทปหลังจากสีแห้ง จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องสีเปื้อนอีก
10.จุ่มแปรงลงถังสีทั้งอัน ทาได้สะดวกดี
หลาย ๆ คนติดนิสัยชอบจุ่มขนแปรงลงถังสีทั้งหมด จะได้ทาได้หลายๆรอบ ไม่ต้องจุ่มบ่อย แต่ความเป็นจริงไม่ควรทำ เพราะการทาสีจะใช้แค่ส่วนปลายขนแปรงเท่านั้น แถมการทำแบบนี้ยังทำให้สีเลอะบริเวณรอบข้างอีกต่างหาก
ข้อแนะนำ : ควรจุ่มสีแค่ส่วนปลายจนถึงกึ่งกลางก็พอ จะได้ไม่เปลืองสีและไม่ทำให้พื้นรอบข้างเลอะเทอะด้วยนะครับ
รู้อย่างนี้แล้ว นำไปปรับใช้กันด่วนๆเลยนะครับ จะได้ไม่สิ้นเปลืองทั้งเงิน และเวลาที่จะต้องมาคอยแก้ไขปัญหาที่เกินขึ้น รับรองช่วยประหยัดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมได้บ้านที่สีสวย ผนังเป๊ะอีกด้วยครับ
การทาสีบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังมีเรื่องที่หลายๆคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทาสีบ้าน และมักทำกันเป็นประจำ วันนี้เดลูต้าขอมาไขข้อสงสัยกันว่า ความจริงแล้ววิธีที่ถูกต้องทำอย่างไร ? เพราะต่อจากนี้การทาสีบ้านจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ถ้ารู้วิธีและเทคนิคเหล่านี้จากผู้เชี่ยวชาญ ไปดูกันเลยครับ…
1.แปลกจัง ทาสีบ้านเสร็จเรียบร้อย แต่ทำไมสีไม่ตรงกับสิ่งที่คิดไว้
เวลาที่เราไปเลือกซื้อสีทาบ้านกับทางร้าน เรามักจะเลือกสีจากแคตตาล็อกและเปรียบเทียบสีต่างๆจากทางร้าน เมื่อชอบแล้วก็ตัดสินใจเลือกในทันที ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะเวลามาทาสีบ้านจริงๆ มันมักจะไม่ตรงตามนั้น เพราะว่าแสงไฟที่ร้านกับที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ทำให้สีอาจผิดเพี้ยนไปได้
ข้อแนะนำ : ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสีมาทา ควรขอสีตัวอย่างจากทางร้านกลับมาลองทาก่อน ถ้าสีโดนแสงแล้วไม่ถูกใจจะได้เปลี่ยนสีใหม่ทันเวลา จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา เสียเงินแก้ไขในภายหลัง แค่นี้ก็ทำให้เราประหยัดความสิ้นเปลืองไปได้ส่วนหนึ่งแล้วครับ
2.เปิดฝาถังสีทิ้งไว้ระหว่างทาสีบ้าน คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
เพื่อความสะดวกหลายคนชอบเปิดฝาถังสีไว้ เพราะมันง่าย จุ่มแล้วก็ทา จะไปปิดทำไมให้เสียเวลา โดยลืมคิดไปว่าอาจจมีอุบัติเหตุที่ทำให้ถังล้มจนสีหกกระจายเต็มพื้น ทำให้เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งรอบตัวด้วยนะครับ
ข้อแนะนำ : ควรปิดฝาถังสีทุกครั้งในระหว่างใช้งาน เพราะถ้าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด สีจะได้ไม่เลอะพื้น แถมต้องมาเสียเวลาเช็ด และซื้อสีใหม่ให้เปลืองเงิน นอกจากนี้ บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงควรกันไว้ให้ห่าง ไม่อย่างนั้นบ้านของคุณอาจจะเต็มไปด้วยรอยประทับจากเจ้าตูบแสนซนของคุณได้นะครับ
3.ใช้ลูกกลิ้งแค่อย่างเดียว ก็ทาสีบ้านได้ทุกพื้นที่
ไม่เป็นความจริงนะครับ เพราะลูกกลิ้งจะมีขนาดใหญ่ และใช้สำหรับการทาบริเวณผนังที่กว้าง และบางครั้ง สำหรับคนที่ใช้ลูกกลิ้งทาสีก็อาจจะกลิ้งจนลืมดูว่าสูงเกินไป จนทำให้สีจากลูกกลิ้งติดเพดาน เลอะเทอะ ไม่สวยงาม
ข้อแนะนำ : ก่อนทาควรหาเทปกาวติดเพดานกันสีเลอะเอาไว้ก่อนทา หรือทาสีเฉพาะส่วนกลางผนังก่อน แล้วค่อยใช้แปรง ทาสีผนังบริเวณที่ติดกับเพดานในแนวขวาง ก็จะทำให้งานออกมาเนี้ยบโดยไม่ต้องตามแก้ทีหลังนะครับ
4.ทาสีซ้ำหลายๆรอบไปเลย จะได้ติดนานๆแน่นๆ ไม่ลอกแน่ !!
ผิดอย่างแรงเลยครับ เพราะการทาสีบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประตู ตู้ต่างๆ ควรทาสีเพียงรอบเดียวเพราะสีบางประเภท ออกแบบเพื่อให้คุณทาเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้สีติดทนแล้ง ไม่จำเป็นต้องทาหลายๆรอบ สิ้นเปลืองเงินเปล่าๆนะครับ
ข้อแนะนำ : ถ้าหากพื้นที่ไหนยังไม่โดนสี ค่อยทาสีย้ำเฉพาะพื้นที่ และการทาในส่วนเล็ก ๆ แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจุ่มสีเพิ่มหากมีสีเดิมค้างอยู่ที่ขนแปรงนะครับ หรือถ้าหากจำเป็นต้องทาซ้ำ ควรรอให้สีรอบแรกแห้งสนิทก่อนแล้วค่อยลงสีเพิ่ม เพราะถ้าสียังไม่แห้งดี จะทำให้เนื้อสีไม่เรียบ ไม่สวยงาม
5.เก็บสีไว้ในที่เย็น จะได้อยู่ได้นานๆ
ใครบอกว่าเก็บไว้ในที่เย็น เดลูต้าขอค้าน !! เพราะอุณหภูมิมีผลกับเนื้อสี ทำให้สีจับกันเป็นก้อน เสียของเปล่าๆ ที่สำคัญเก็บไว้ในที่มิดชิด พ้นมือเด็กๆจะดีมากครับ
ข้อแนะนำ : หลังการใช้งานจึงควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ ปิดฝาให้สนิท จะได้สามารถนำกลับมาใช้งานได้ นอกจากนี้ แนะนำว่าไม่ควรทาสีในวันที่อากาศเย็นเพราะความชื้นในอากาศจะทำให้สีแห้งยาก ควรทาในวันที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิปกติ ไม่ชื้นหรือร้อนจนเกินไป
6.ทาสีบ้าน จะทาเวลาไหนก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ไม่ควรเด็ดขาด เพราะบางคนคิดอยากจะทาเวลาไหนก็ทา เพราะมีเวลาว่างตอนนี้ ตอนเฉพาะช่วงเย็นๆ แสงน้อยๆ จะได้ไม่ร้อน แต่จริงๆแล้วมันอาจส่งผลที่ตามมาได้ และต้องทำให้คุณเสียเวลามาแก้ในภายหลังอีกครั้ง
ข้อแนะนำ : ถ้าอยากให้บ้านสวยเป๊ะ อย่าทาสีตอนเย็นหรือมีแสงน้อยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไม่เห็นความผิดพลาดและรอยต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรทาในเวลากลางวันที่มีแสงแดดเพียงพอ หรือเปิดหน้าต่างให้ผนังโดนแสงธรรมชาติระหว่างการทำงาน เพื่อให้เห็นเนื้อสีที่แท้จริงเห็นรอยตำหนิอย่างชัดเจน
7.ชอบสีไหนก็ทาสีนั้น
จริงๆแล้วหากคุณชอบสีไหนก็ควรเลือกสีนั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะนอกจากความชอบแล้ว ยังต้องดูและเลือกสีให้เหมาะสมกับพื้นที่บริเวณนั้นๆ เช่น ภายในห้องนอนควรเลือกเฉดสีอ่อน
ข้อแนะนำ : ถ้าอยากมีบ้านที่อยู่แล้วเย็นสบาย ช่วยประหยัดพลังงาน เดลูต้าขอแนะนำให้เลือกทาสีผนัง เฉดสีอ่อน เพราะสีเข้มจะดูดซึมความร้อนจากแสงแดดเข้ามาภายในบ้าน ทำให้บ้านร้อน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีสะท้อนแสงหรือสีที่มีสารเคลือบเงากับบริเวณที่มีพื้นผิวไม่เรียบ เพราะจะยิ่งเป็นการเน้นให้ส่วนที่มีรอยตำหนิชัดขึ้น หรือถ้าสีใหม่ที่จะทานั้นเข้มกว่าสีเก่าให้ทาสีรองพื้นก่อน
8.ไม่ต้องใช้สีกันคราบและความชื้น ทากลบก็จบได้
ความจริงแล้วมันไม่จบ เพราะ รอยด่างดำที่เกิดจากความชื้น อย่างเช่น คราบเชื้อรา มันทำให้บ้นดูไม่สวยงามเอาซะเลย หลายคนเลยตัดสินใจทาสีใหม่เพื่อกลบคราบสกปรกที่แก้ไม่หายจะได้จบเรื่อง ซึ่งไม่ควรทำ
ข้อแนะนำ : ไม่ว่าจะเป็นผนังปูนหรือผนังไม้ ควรทาสีกันคราบและความชื้นรองพื้นก่อนทาสีจริง หรือทางที่ดีควรเลือกสีที่มีส่วนผสมของสารป้องกันเชื้อราความชื้นจะดีมาก เพราะหากไม่แก้ที่ต้นเหตุสักวันก็เจอปัญหาแบบเดิมๆอยู่ดี โดยเฉพาะไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่ไวต่อความชื้น ซึ่งไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดครับ
9.ไม่ต้องติดเทปตามขอบประตูและหน้าต่าง
การทาสีบริเวณตามขอบประตูและหน้าต่างนั้นต้องใช้ความระวังมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากเผลออาจทำให้สีเลอะส่วนที่ไม่ต้องการจะทาได้ แถมบางพื้นที่อาจจะแก้ยากอีกต่างหาก
ข้อแนะนำ : ควรหาเทปกาวมาติดก่อนและลอกเทปหลังจากสีแห้ง จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องสีเปื้อนอีก
10.จุ่มแปรงลงถังสีทั้งอัน ทาได้สะดวกดี
หลาย ๆ คนติดนิสัยชอบจุ่มขนแปรงลงถังสีทั้งหมด จะได้ทาได้หลายๆรอบ ไม่ต้องจุ่มบ่อย แต่ความเป็นจริงไม่ควรทำ เพราะการทาสีจะใช้แค่ส่วนปลายขนแปรงเท่านั้น แถมการทำแบบนี้ยังทำให้สีเลอะบริเวณรอบข้างอีกต่างหาก
ข้อแนะนำ : ควรจุ่มสีแค่ส่วนปลายจนถึงกึ่งกลางก็พอ จะได้ไม่เปลืองสีและไม่ทำให้พื้นรอบข้างเลอะเทอะด้วยนะครับ
รู้อย่างนี้แล้ว นำไปปรับใช้กันด่วนๆเลยนะครับ จะได้ไม่สิ้นเปลืองทั้งเงิน และเวลาที่จะต้องมาคอยแก้ไขปัญหาที่เกินขึ้น รับรองช่วยประหยัดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมได้บ้านที่สีสวย ผนังเป๊ะอีกด้วยครับ