ใครที่กำลังจะคิดทาสีบ้าน ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า จำ 7 เทคนิคนี้ไว้ให้ดี เพราะมันจะทำให้บ้านของคุณสวยได้แบบประหยัดงบ แถมไม่ต้องพบเจอกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง จะมีเทคนิคไหนบ้าง เตรียมจดไว้ให้ดี แล้วไปดูกันครับ…
1.วางแผนงบที่จะใช้ทาสีบ้าน
เมื่อคิดที่จะเริ่มต้นทาสีบ้านหรือคอนโด เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปและไม่ง่ายเกินไปสำหรับมือใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญและต้องทำเป็นอันดับแรกๆ คือ วางแผนเงินที่จะใช้สำหรับทาสีบ้าน เพราะไหนจะต้องเสียค่าทาสีภายใน ภายนอก สีรองพื้น ค่าช่าง เยอะแยะมากมาย รู้ตัวอีกทีงบอาจบานปลาย ทำให้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มา ดังนั้นขอเตือนเลยนะครับ ถ้าอยากได้บ้านที่สวยตามต้องการ อย่าลืมวางแผนงบประมาณที่ต้องใช้
2.ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยคุณได้
การทาสีบ้านเราต้องรู้ว่าเราจะทาสีประเภทไหน ลงบนพื้นผิวแบบไหน เพราะแต่ละพื้นผิวใช้สีแตกต่างกันออกไป ต้องดูว่าเป็นผิวปูน หรือ ผิวไม้ ใช้ทาสีภายในหรือภายนอก หากเราไม่แน่ใจว่าจะใช้สีอะไรดี ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิก หรือช่างทาสี เพื่อจะได้ใช้สีให้ถูกประเภท และลักษณะการใช้งาน แถมยังช่วยให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังจำเป็นอย่างมาก สำหรับมือใหม่ เพราะพวกเขาเหล่านี้จะคอยแนะนำคุณภาพสี และงบประมาณ ซึ่งเราต้องบอกความต้องการของเราให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบในภายหลังนะครับ
3.เลือกสีที่ใช่ ชอบและชัวร์ ช่วยประหยัดได้
สำหรับการเลือกสีเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่แพ้กับเทคนิคไหนๆ ขอแนะนำให้เลือกสีที่คุณชอบและต้องดูให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในบ้าน เพราะหากเลือกสีผิด เมื่อทาออกมาแล้วไม่ถูกใจ แทนที่จะประหยัดกลับต้องมานั่งแก้ไขและเสียเงินเพิ่มอีก ซึ่งการเลือกโทนสีที่ดีสำหรับการตกแต่งภายในบ้าน นอกจากจะสื่อถืงอารมณ์ ความรู้สึกและรสนิยมของผู้อยู่อาศัยแล้ว เฉดสีบางโทนยังช่วยเพิ่มความสว่างภายในบ้าน สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย
นอกจากนั้น ทริคที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เวลาที่เราไปซื้อสีทาบ้าน ทางร้านจะมีตารางเทียบสีมาให้เราเลือก แต่ในบางครั้งเมื่อเรานำสีมาทาที่บ้านกลับไม่เหมือนในตารางที่เราได้เลือกไว้ นั่นเป็นเพราะว่าไฟที่ร้านกับไฟที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรขอสีตัวอย่างกลับมาทาในพื้นที่จริงก่อน ถ้าหากโดนไฟแล้วไม่ถูกใจ ก็ยังสามารถเปลี่ยนสีใหม่ได้ทันเวลานะครับ
4.เลือกคุณภาพสีที่ใช้ ให้คุ้มค่า
การเลือกคุณภาพของสีก็สำคัญไม่แพ้กับการเลือกสีที่ชอบ เพราะการถ้าทาสีบ้านแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็จำเป็นที่จะเลือกสีที่มีคุณภาพติดทนนาน ทาแล้วไม่มีปัญหา ไม่ต้องกลับมาทาซ้ำใหม่ให้เสียเงินอีกรอบ เพราะดูจะยุ่งยากเกินไป คุณสมบัติของสีที่ควรเลือกใช้หลักๆก็คือ ต้องมีเนื้อสีเยอะ ปกปิดพื้นผิวได้ดี ป้องกันการเกิดคราบ เชื้อราต่างๆ ปลอดสารที่เป็นอันตราย ขอยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์สีเดลต้า ชิลชิลด์ ที่มีคุณสมบัติ เนื้อสีเยอะ ทาแล้วคุ้ม ไม่เปลืองแรงแถมประหยัด ทาทับหน้าแค่ 1 รอบก็ติดทน ปกปิดดี แถมช่วยสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 93% ช่วยให้บ้านประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ดังนั้น การเลือกคุณภาพสี แม้อาจจะต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง แต่คุณภาพที่ได้กลับมามันคุ้มค่า ก็เลือกสิ่งที่มีคุณภาพจะดีกว่านะครับ
5.หาไอเดียใหม่ๆ ให้บ้านสวยในแบบเรา
บางครั้งการออกไอเดียในแบบที่เป็นเราให้กับบ้านของเราเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งๆนั้น เช่น เปลี่ยนการทาสีที่ผนังเรียบๆมาเป็นการออกแบบผนังทาสีแบบสลับสี ทาสีผนังแบบทูโทนสีที่ชอบ หรือใครที่ความสามารถในงานศิลปะ อยากจะเพ้นท์สีบนผนังบ้านตามไอเดียของตัวเองก็สามารถทำได้ ขอแค่เป็นความสวยงามในแบบของเราก็พอครับ
6.ลงมือเช็คงานด้วยตัวเองดีที่สุด
บ้านของเรา สร้างทั้งที อย่าลืมหาเวลามาตรวจเช็คงานนะครับ เมื่อช่างทาสีเสร็จแล้ว ควรตรวจสอบหาข้อบกพร่องว่ามีสิ่งที่ตรงแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ หรือส่วนไหนไม่ถูกใจก็ควรแก้ไขทันที เช่น สีที่ทาอาจจะไม่สม่ำเสมอกัน หรือยังไม่ได้ทาในส่วนที่เป็นซอกเป็นมุม เป็นต้น เพราะการตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนเข้าอยู่ จะช่วยให้หมดปัญหาที่ต้องมาคอยแก้ไข เสียทั้งเงินและเวลา ทางที่ดีเช็คสักนิด เพื่อให้สีอยู่คู่บ้านกับเราด้วยความสวยงามไปนานๆนะครับ
7. เก็บตัวอย่างเฉดสีไว้ ไม่เสียหาย
หลายๆคนสงสัย เก็บไว้เพื่ออะไร ขอบอกเลยครับ จำเป็นสุดๆ เพราะหลังจากการตกแต่งและทาสีเสร็จในทุกครั้ง เราควรขอเฉดสีการผสมจากช่างผู้เชี่ยวชาญไว้เสมอ เพราะถ้าหากจำเป็นต้องเก็บงานหรือทาสีครั้งใหม่ด้วยโทนสีเดิม จะได้นำกลับมาใช้หรือหาซื้อได้ง่ายๆ เพราะถ้าหากผสมใหม่อาจไม่ได้เฉดสีเดิม อาจส่งผลให้พื้นผิวภายในเกิดความแตกต่าง เป็นรอยด่าง ดูแล้วไม่สวยงาม วิธีที่ง่ายและดีที่สุดคือเก็บเฉดสีเดิมเอาไว้นั่นเองครับ นอกจากนี้ ถ้าสีเหลือ ทาไม่หมด ก็ควรเก็บรักษาสีไว้ใช้ต่อครั้งหน้า แนะนำให้เทสีที่เหลือใส่กระป๋องที่มีขนาดเล็กปิดฝาให้แน่น เพื่อป้องกันการแข็งตัวของสีบนพื้นผิวนะครับ เมื่อมีส่วนไหนที่ต้องการต่อเติมก็สามารถนำกลับมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อใหม่ให้ยุ่งยาก
ทั้ง 7 เทคนิคนี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง สำหรับคนที่คิดอยากจะมีบ้านและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีกับการทาสีบ้าน หรือสำหรับใครที่กำลังคิดอยากจะเปลี่ยนสีบ้านหลังเก่า ก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้ได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้บ้านสวยในแบบที่เป็นคุณและทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งตอนทาและหลังทาเลยทีเดียว
ใครที่กำลังจะคิดทาสีบ้าน ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า จำ 7 เทคนิคนี้ไว้ให้ดี เพราะมันจะทำให้บ้านของคุณสวยได้แบบประหยัดงบ แถมไม่ต้องพบเจอกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง จะมีเทคนิคไหนบ้าง เตรียมจดไว้ให้ดี แล้วไปดูกันครับ…
1.วางแผนงบที่จะใช้ทาสีบ้าน
เมื่อคิดที่จะเริ่มต้นทาสีบ้านหรือคอนโด เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปและไม่ง่ายเกินไปสำหรับมือใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญและต้องทำเป็นอันดับแรกๆ คือ วางแผนเงินที่จะใช้สำหรับทาสีบ้าน เพราะไหนจะต้องเสียค่าทาสีภายใน ภายนอก สีรองพื้น ค่าช่าง เยอะแยะมากมาย รู้ตัวอีกทีงบอาจบานปลาย ทำให้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มา ดังนั้นขอเตือนเลยนะครับ ถ้าอยากได้บ้านที่สวยตามต้องการ อย่าลืมวางแผนงบประมาณที่ต้องใช้
2.ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยคุณได้
การทาสีบ้านเราต้องรู้ว่าเราจะทาสีประเภทไหน ลงบนพื้นผิวแบบไหน เพราะแต่ละพื้นผิวใช้สีแตกต่างกันออกไป ต้องดูว่าเป็นผิวปูน หรือ ผิวไม้ ใช้ทาสีภายในหรือภายนอก หากเราไม่แน่ใจว่าจะใช้สีอะไรดี ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิก หรือช่างทาสี เพื่อจะได้ใช้สีให้ถูกประเภท และลักษณะการใช้งาน แถมยังช่วยให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังจำเป็นอย่างมาก สำหรับมือใหม่ เพราะพวกเขาเหล่านี้จะคอยแนะนำคุณภาพสี และงบประมาณ ซึ่งเราต้องบอกความต้องการของเราให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบในภายหลังนะครับ
3.เลือกสีที่ใช่ ชอบและชัวร์ ช่วยประหยัดได้
สำหรับการเลือกสีเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่แพ้กับเทคนิคไหนๆ ขอแนะนำให้เลือกสีที่คุณชอบและต้องดูให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในบ้าน เพราะหากเลือกสีผิด เมื่อทาออกมาแล้วไม่ถูกใจ แทนที่จะประหยัดกลับต้องมานั่งแก้ไขและเสียเงินเพิ่มอีก ซึ่งการเลือกโทนสีที่ดีสำหรับการตกแต่งภายในบ้าน นอกจากจะสื่อถืงอารมณ์ ความรู้สึกและรสนิยมของผู้อยู่อาศัยแล้ว เฉดสีบางโทนยังช่วยเพิ่มความสว่างภายในบ้าน สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย
นอกจากนั้น ทริคที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เวลาที่เราไปซื้อสีทาบ้าน ทางร้านจะมีตารางเทียบสีมาให้เราเลือก แต่ในบางครั้งเมื่อเรานำสีมาทาที่บ้านกลับไม่เหมือนในตารางที่เราได้เลือกไว้ นั่นเป็นเพราะว่าไฟที่ร้านกับไฟที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรขอสีตัวอย่างกลับมาทาในพื้นที่จริงก่อน ถ้าหากโดนไฟแล้วไม่ถูกใจ ก็ยังสามารถเปลี่ยนสีใหม่ได้ทันเวลานะครับ
4.เลือกคุณภาพสีที่ใช้ ให้คุ้มค่า
การเลือกคุณภาพของสีก็สำคัญไม่แพ้กับการเลือกสีที่ชอบ เพราะการถ้าทาสีบ้านแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็จำเป็นที่จะเลือกสีที่มีคุณภาพติดทนนาน ทาแล้วไม่มีปัญหา ไม่ต้องกลับมาทาซ้ำใหม่ให้เสียเงินอีกรอบ เพราะดูจะยุ่งยากเกินไป คุณสมบัติของสีที่ควรเลือกใช้หลักๆก็คือ ต้องมีเนื้อสีเยอะ ปกปิดพื้นผิวได้ดี ป้องกันการเกิดคราบ เชื้อราต่างๆ ปลอดสารที่เป็นอันตราย ขอยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์สีเดลต้า ชิลชิลด์ ที่มีคุณสมบัติ เนื้อสีเยอะ ทาแล้วคุ้ม ไม่เปลืองแรงแถมประหยัด ทาทับหน้าแค่ 1 รอบก็ติดทน ปกปิดดี แถมช่วยสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 93% ช่วยให้บ้านประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ดังนั้น การเลือกคุณภาพสี แม้อาจจะต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง แต่คุณภาพที่ได้กลับมามันคุ้มค่า ก็เลือกสิ่งที่มีคุณภาพจะดีกว่านะครับ
5.หาไอเดียใหม่ๆ ให้บ้านสวยในแบบเรา
บางครั้งการออกไอเดียในแบบที่เป็นเราให้กับบ้านของเราเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งๆนั้น เช่น เปลี่ยนการทาสีที่ผนังเรียบๆมาเป็นการออกแบบผนังทาสีแบบสลับสี ทาสีผนังแบบทูโทนสีที่ชอบ หรือใครที่ความสามารถในงานศิลปะ อยากจะเพ้นท์สีบนผนังบ้านตามไอเดียของตัวเองก็สามารถทำได้ ขอแค่เป็นความสวยงามในแบบของเราก็พอครับ
6.ลงมือเช็คงานด้วยตัวเองดีที่สุด
บ้านของเรา สร้างทั้งที อย่าลืมหาเวลามาตรวจเช็คงานนะครับ เมื่อช่างทาสีเสร็จแล้ว ควรตรวจสอบหาข้อบกพร่องว่ามีสิ่งที่ตรงแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ หรือส่วนไหนไม่ถูกใจก็ควรแก้ไขทันที เช่น สีที่ทาอาจจะไม่สม่ำเสมอกัน หรือยังไม่ได้ทาในส่วนที่เป็นซอกเป็นมุม เป็นต้น เพราะการตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนเข้าอยู่ จะช่วยให้หมดปัญหาที่ต้องมาคอยแก้ไข เสียทั้งเงินและเวลา ทางที่ดีเช็คสักนิด เพื่อให้สีอยู่คู่บ้านกับเราด้วยความสวยงามไปนานๆนะครับ
7. เก็บตัวอย่างเฉดสีไว้ ไม่เสียหาย
หลายๆคนสงสัย เก็บไว้เพื่ออะไร ขอบอกเลยครับ จำเป็นสุดๆ เพราะหลังจากการตกแต่งและทาสีเสร็จในทุกครั้ง เราควรขอเฉดสีการผสมจากช่างผู้เชี่ยวชาญไว้เสมอ เพราะถ้าหากจำเป็นต้องเก็บงานหรือทาสีครั้งใหม่ด้วยโทนสีเดิม จะได้นำกลับมาใช้หรือหาซื้อได้ง่ายๆ เพราะถ้าหากผสมใหม่อาจไม่ได้เฉดสีเดิม อาจส่งผลให้พื้นผิวภายในเกิดความแตกต่าง เป็นรอยด่าง ดูแล้วไม่สวยงาม วิธีที่ง่ายและดีที่สุดคือเก็บเฉดสีเดิมเอาไว้นั่นเองครับ นอกจากนี้ ถ้าสีเหลือ ทาไม่หมด ก็ควรเก็บรักษาสีไว้ใช้ต่อครั้งหน้า แนะนำให้เทสีที่เหลือใส่กระป๋องที่มีขนาดเล็กปิดฝาให้แน่น เพื่อป้องกันการแข็งตัวของสีบนพื้นผิวนะครับ เมื่อมีส่วนไหนที่ต้องการต่อเติมก็สามารถนำกลับมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อใหม่ให้ยุ่งยาก
ทั้ง 7 เทคนิคนี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง สำหรับคนที่คิดอยากจะมีบ้านและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีกับการทาสีบ้าน หรือสำหรับใครที่กำลังคิดอยากจะเปลี่ยนสีบ้านหลังเก่า ก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้ได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้บ้านสวยในแบบที่เป็นคุณและทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งตอนทาและหลังทาเลยทีเดียว