ก่อนจะทาสีบ้าน มีหลายเรื่องที่เราต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น ชนิดของสีทาบ้าน เกรดสี วิธีการเลือกสี หรือ การทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน เพื่อให้บ้านของคุณสวยงาม ถูกใจตามต้องการและดูเป็นมืออาชีพ วันนี้เดลูต้า ก็ขอแนะนำ 7 เรื่องสำคัญที่ควรรู้ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
1.ชนิดของสีทาบ้าน แต่ละแบบ ใช้งานยังไง
สามารถแบ่งชนิดของสีทาบ้าน ตามวิธีการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราต้องเลือกซื้อสีทาบ้านให้ตรงตามการใช้งานมากที่สุด ซึ่งมี 3 ชนิด ดังนี้…
- สีอะคริลิค
เป็นสีทาบ้านที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะเป็นสีที่ใช้กับการทาผนังคอนกรีต กำแพงที่ลงซีเมนต์เอาไว้ หรือพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผนังปูนตามบ้านทั่วไปนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีในการผลิตสีในปัจจุบันทำให้สีอะคริลิคมีคุณสมบัติติดแน่นทนนานและทนทานต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่หวั่นแม้ฝนตก แดดแรงจัด ลมแรงๆ หรือเชื้อรา ความชื้น สีอะคริลิคสมัยนี้ เอาอยู่ทุกปัญหาครับ ดังนั้น ถ้าคุณจะซื้อสีมาทาผนังบ้าน กำแพงปูน ก็ต้องเลือก สีทาบ้าน ชนิดสีอะคริลิค นั่นเองครับ
- สีทาไม้
สีทาไม้เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ เช่น กำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
- สีน้ำมัน
เอกลักษณ์ของสีน้ำมัน คือความเงางาม และความวาววับจากการสะท้อนแสง ทำให้สีน้ำมันมักจะได้รับความนิยมเอาไปตกแต่งบ้านในตำแหน่งต่างๆ ทำให้บ้านออกมาสวยงาม มักใช้ในการทาบนโครงสร้างที่เป็นโลหะ เหล็ก เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว แต่ข้อเสีย คือ แห้งช้า และ ราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าสีประเภทอื่นๆ ทำให้มันไม่ค่อยนิยมนำมาทาสีที่ตัวบ้านนั่นเองครับ
2.สีทาบ้านภายนอกและสีทาบ้านภายใน แตกต่างกันอย่างไร
สีทั้ง 2 ชนิดนี้ แตกต่างกันที่คุณสมบัติ โดยสีทาบ้านภายนอกนั้นจะเน้นคุณสมบัติด้านความทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งแดด ลม และฝน นิยมใช้เป็นสีอะคริลิค จะมีการเติมส่วนผสมอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ป้องกันเชื้อรา คราบน้ำ ความร้อน นอกจากนี้สีทาภายนอกบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อน เมื่อทาแล้วทำให้บ้านเย็นและประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
ส่วนสีทาบ้านภายในมีความคงทนเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าสีภายนอก เพราะไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเหมือนผนังนอกบ้าน นิยมเป็นสีอะคริลิค เพราะเป็นสีที่ไม่มีกลิ่นรบกวน และควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติกึ่งเงาหรือเนื้อแมท เนื่องจากเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ทำให้ความเงาลดลง ซึ่งตอนนี้สีทาบ้านส่วนมาก สามารถทาได้ทั้งภายในและภายนอกได้แล้ว
3.เกรดสีทาบ้าน 4 เกรด ต่างกันยังไง
เกรดสี คือ ตัวบ่งบอกปริมาณส่วนผสมและคุณภาพของสี ที่ควรเอามาพิจารณาว่า เราควรจะเลือกสีเกรดไหน กับบ้านส่วนไหนของเราบ้าง แบ่งได้เป็น 4 เกรดดังนี้
4.ทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน
จะทาสีบ้านทั้งที เชื่อว่าหลายๆคนคงอยากให้สีมันติด ทนนาน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ซึ่งการที่จะรักษาสีทาบ้านให้คงอยู่ยาวนานนั้น จะต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรก คือ การเลือกสีให้เหมาะสมกับการใช้งาน แนะนำว่าหากเราจะใช้สีทาภายนอก ก็ควรเลือกใช้สีเกรด A หรือ B ไปเลยจะดีกว่า แม้ราคาสูง แต่คุณภาพของสีทำให้สีติดทนนานเป็น 10 ปี แต่หากเป็นสีที่ใช้ทาภายในเราก็อาจใช้เกรดที่ดร็อปลงมาได้ เพราะสีทาภายในไม่ต้องเผชิญกับสภาวะสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ก็ควรเลือกสีที่สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนการทาสี ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้สีบ้านติดคงทนถาวร เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว ให้เรียบ ไม่มีฝุ่นละอองยึดเกาะ ไม่มีไขมัน ไม่มีความชื้น หากมีรอยแตกก็ควรซ่อมแซมหาปูนมาปิดให้เรียบสนิท โดยการทาสีนั้นก็ควรทาประมาณ 2-3 ชั้น ขึ้นไป เพื่อให้สีเนียนเรียบ สวยงาม แต่ไม่ควรทาเกิน 5 ชั้น เพราะจะทำให้ชั้นสีหนาเกินไป ซึ่งจะทำให้สีหลุดลอกได้ง่ายกว่าการทาเพียง 2-3 ชั้น นอกจากจะเปลืองแล้ว ความทนทานของสีก็ยังน้อยกว่าด้วย
5.วิธีเลือกสีทาบ้านภายนอก และ สีทาบ้านภายใน
สีทาบ้านภายนอก
- เลือกสีที่ทนต่อสภาพอากาศ ความร้อนแสงแดด แรงลม ความชื้น และภาวะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
- สามารถขัดหรือทำความสะอาดรอยเลอะหรือความสกปรกออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายเนื้อสีให้เสียหาย
- ป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำได้ดีด้วยสารเติมแต่งหากสัมผัสกับน้ำฝนหรือความชื้น
- เลือกเฉดสีให้เหมาะสมกับธรรมชาติโดยรอบ
- เลือกสีที่สามารถสะท้อนความร้อนได้มาก เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในบ้านเย็น และช่วยประหยัดพลังงาน
สีทาบ้านภายใน
- เนื้อสีต้องมีความละเอียดเป็นเงางาม
- สามารถเช็ดทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อน รอยด่างดำได้ง่าย และทนต่อแรงถูขัด
- ป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย และคราบหมองคล้ำที่เกิดจากเชื้อรา
- ไม่มีกลิ่นฉุน กลิ่นสารระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยหรือทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในห้องนอน หรือห้องของเด็กๆ
6.ทาสีผนังบ้าน ยังไงให้สวย
-
- ทำความสะอาดผนัง : ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก่อนทาสีก็คือ ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หยากไย่ หรือแม้กระทั่งผิวขรุขระบนผนัง ควรจัดการให้เรียบร้อย จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำเช็ด แล้วจึงใช้น้ำสะอาดล้างฟองสบู่ออกตามอีกครั้ง
- ทาสีตัดขอบระหว่างเพดานและผนัง : กรณีที่ใช้สีเพดานและผนังต่างกัน ใช้แปรง 2 นิ้วหรือ 2.5 นิ้วเริ่มทาสีที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก่อน แล้วค่อย ๆ ทาสีเพดานส่วนที่ชนผนังทั้ง 4 ด้าน พยายามอย่าให้สีเกินไปโดนผนังเด็ดขาด หากมีสีเปื้อนควรรีบเช็ดออกทันที
- ทาสีเพดาน : หลังจากตัดขอบแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือให้ใช้ลูกกลิ้งทาสีได้เลย ก่อนการทาควรจะล้างสีที่ตกค้างออกจากแปรงหรือลูกกลิ้งทาสีออกให้หมด และเริ่มลงแปรงสีตามแนวขวางของเพดาน ทิศทางการทานั้นควรจะเป็นจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย
- ทาสีผนัง : เริ่มจากใช้แปรงทาขอบผนังก่อน จากนั้นส่วนที่เหลือตรงกลางใช้ลูกกลิ้งทาได้เลย โดยใช้เทปติดที่ขอบหน้าต่างและประตูก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปรอะเปื้อนบริเวณดังกล่าว
- ติดเทปก่อนการทาสีประตูและหน้าต่าง : เป็นการป้องกันไม่ให้สีที่ทาประตูและหน้าต่างเลอะผนังที่ทาไว้แล้ว ให้ติดเทปบริเวณผนังรอบ ๆ กรอบหน้าต่างและประตูก่อนทา พยายามเลี่ยงการทาทับเทป เพราะอาจมีสีซึมลงไปและที่สำคัญไม่ควรทาเกินขอบเทปด้วย
7.เลือกสีทาบ้านให้เหมาะสม
สีทาบ้านถือเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความสว่างของห้องและภายในบ้านเป็นอย่างมาก เดลูต้าขอแนะนำว่า หากต้องการให้แสงสว่างภายในบ้านมากพอ เพื่อจะที่ช่วยประหยัดค่าไฟ ควรเลือกใช้สีโทนสว่าง เช่น สีขาว ครีม เหลืองอ่อน ฟ้า เป็นต้น แต่หากห้องของเรามีหน้าต่างเป็นจำนวนมากทำให้แสงเข้ามาเยอะจนสว่างมากเกินไป ก็สามารถเราเลือกทาสีภายในเป็นสีเข้มได้ เพื่อปรับโทนแสงในห้องไม่ให้สว่างมากจนเกินไปได้
นอกจากนี้ การเลือกสีทาบ้านที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติพิเศษ ก็ยิ่งช่วยให้การทาสีบ้านมีความคุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะสีเกรดพรี่เมี่ยมที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี ทาครั้งเดียว ติดทนจนลูกโต ไม่ต้องทาบ่อย ๆ มากไปกว่านั้น สีเกรดพรี่เมี่ยม จะมาพร้อมคุณสมบัติที่พิเศษเสมอครับ
ขอแนะนำ สี Delta ChillSHIELD
สีเดลต้าชิลชิลด์ (DELTA ChillSHIELD) สีที่ดีที่สุดในรอบ 40 ปีของสีเดลต้า สีเกรด Ultra Premium มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษหลากหลาย ตอบโจทย์กับบ้านในยุคปัจจุบัน หากเลือกใช้แล้ว จะได้ความคุ้มค่ากลับมาชัวร์ เพราะ เป็นสีที่ทาทับหน้าเพียงแค่ 1 รอบ ก็สามารถติดทนนาน ไม่ต้องทาซ้ำ ให้เหนื่อยแรงช่าง เสียค่าแรง แถมมีเนื้อสีเยอะ ทำให้ทาได้พื้นที่มากขึ้น ลดการใช้สีน้อยลง จากเคยใช้ 10 ถัง เดลต้าชิลชิลด์ ใช้แค่ 6 ถังเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติ สะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็น สบาย เข้าอยู่ได้ทันที ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย Low VOC เรื่องเช็ดล้าง ไม่ต้องกังวล เช็ดล้างง่าย ได้มากกว่าแสนรอบ ก็ยังติดทนนานสูงสุดถึง 15 ปีเลยทีเดียว และยังเป็นสีที่เป็นมิตรกับโลก ประหยัดพลังงานการผลิต แถมใช้น้อยลง ก็ช่วยลดจำนวนถังสีที่เป็นขยะพลาสติกได้ด้วย เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคุ้มค่า ประหยัดแค่ไหน ถ้าเลือกใช้ สีเดลต้าชิลชิลด์
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว การทาสีบ้านคงเป็นเรื่องง่ายเยอะขึ้นเลยใช่ไหมครับ เดลูต้าก็หวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกสีทาบ้าน และทาสีบ้านได้ถูกใจ ให้บ้านออกมาสวยงามตามที่หวังไว้นะครับ แต่อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อมูลและผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นนะครับ
ใครที่ต้องการปรึกษาปัญหาสีทาบ้าน หรือต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์สีเดลต้า
ทักมาพูดคุยกับเดลูต้าได้นะครับ ที่ Line: @Deltapaint หรือ
ก่อนจะทาสีบ้าน มีหลายเรื่องที่เราต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น ชนิดของสีทาบ้าน เกรดสี วิธีการเลือกสี หรือ การทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน เพื่อให้บ้านของคุณสวยงาม ถูกใจตามต้องการและดูเป็นมืออาชีพ วันนี้เดลูต้า ก็ขอแนะนำ 7 เรื่องสำคัญที่ควรรู้ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
1.ชนิดของสีทาบ้าน แต่ละแบบ ใช้งานยังไง
สามารถแบ่งชนิดของสีทาบ้าน ตามวิธีการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราต้องเลือกซื้อสีทาบ้านให้ตรงตามการใช้งานมากที่สุด ซึ่งมี 3 ชนิด ดังนี้…
- สีอะคริลิค
เป็นสีทาบ้านที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะเป็นสีที่ใช้กับการทาผนังคอนกรีต กำแพงที่ลงซีเมนต์เอาไว้ หรือพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผนังปูนตามบ้านทั่วไปนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีในการผลิตสีในปัจจุบันทำให้สีอะคริลิคมีคุณสมบัติติดแน่นทนนานและทนทานต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่หวั่นแม้ฝนตก แดดแรงจัด ลมแรงๆ หรือเชื้อรา ความชื้น สีอะคริลิคสมัยนี้ เอาอยู่ทุกปัญหาครับ ดังนั้น ถ้าคุณจะซื้อสีมาทาผนังบ้าน กำแพงปูน ก็ต้องเลือก สีทาบ้าน ชนิดสีอะคริลิค นั่นเองครับ
- สีทาไม้
สีทาไม้เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ เช่น กำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
- สีน้ำมัน
เอกลักษณ์ของสีน้ำมัน คือความเงางาม และความวาววับจากการสะท้อนแสง ทำให้สีน้ำมันมักจะได้รับความนิยมเอาไปตกแต่งบ้านในตำแหน่งต่างๆ ทำให้บ้านออกมาสวยงาม มักใช้ในการทาบนโครงสร้างที่เป็นโลหะ เหล็ก เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว แต่ข้อเสีย คือ แห้งช้า และ ราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าสีประเภทอื่นๆ ทำให้มันไม่ค่อยนิยมนำมาทาสีที่ตัวบ้านนั่นเองครับ
2.สีทาบ้านภายนอกและสีทาบ้านภายใน แตกต่างกันอย่างไร
สีทั้ง 2 ชนิดนี้ แตกต่างกันที่คุณสมบัติ โดยสีทาบ้านภายนอกนั้นจะเน้นคุณสมบัติด้านความทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งแดด ลม และฝน นิยมใช้เป็นสีอะคริลิค จะมีการเติมส่วนผสมอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ป้องกันเชื้อรา คราบน้ำ ความร้อน นอกจากนี้สีทาภายนอกบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อน เมื่อทาแล้วทำให้บ้านเย็นและประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
ส่วนสีทาบ้านภายในมีความคงทนเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าสีภายนอก เพราะไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเหมือนผนังนอกบ้าน นิยมเป็นสีอะคริลิค เพราะเป็นสีที่ไม่มีกลิ่นรบกวน และควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติกึ่งเงาหรือเนื้อแมท เนื่องจากเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ทำให้ความเงาลดลง ซึ่งตอนนี้สีทาบ้านส่วนมาก สามารถทาได้ทั้งภายในและภายนอกได้แล้ว
3.เกรดสีทาบ้าน 4 เกรด ต่างกันยังไง
เกรดสี คือ ตัวบ่งบอกปริมาณส่วนผสมและคุณภาพของสี ที่ควรเอามาพิจารณาว่า เราควรจะเลือกสีเกรดไหน กับบ้านส่วนไหนของเราบ้าง แบ่งได้เป็น 4 เกรดดังนี้
4.ทำยังไงให้สีทาบ้านติดทนนาน
จะทาสีบ้านทั้งที เชื่อว่าหลายๆคนคงอยากให้สีมันติด ทนนาน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ซึ่งการที่จะรักษาสีทาบ้านให้คงอยู่ยาวนานนั้น จะต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรก คือ การเลือกสีให้เหมาะสมกับการใช้งาน แนะนำว่าหากเราจะใช้สีทาภายนอก ก็ควรเลือกใช้สีเกรด A หรือ B ไปเลยจะดีกว่า แม้ราคาสูง แต่คุณภาพของสีทำให้สีติดทนนานเป็น 10 ปี แต่หากเป็นสีที่ใช้ทาภายในเราก็อาจใช้เกรดที่ดร็อปลงมาได้ เพราะสีทาภายในไม่ต้องเผชิญกับสภาวะสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ก็ควรเลือกสีที่สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนการทาสี ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้สีบ้านติดคงทนถาวร เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว ให้เรียบ ไม่มีฝุ่นละอองยึดเกาะ ไม่มีไขมัน ไม่มีความชื้น หากมีรอยแตกก็ควรซ่อมแซมหาปูนมาปิดให้เรียบสนิท โดยการทาสีนั้นก็ควรทาประมาณ 2-3 ชั้น ขึ้นไป เพื่อให้สีเนียนเรียบ สวยงาม แต่ไม่ควรทาเกิน 5 ชั้น เพราะจะทำให้ชั้นสีหนาเกินไป ซึ่งจะทำให้สีหลุดลอกได้ง่ายกว่าการทาเพียง 2-3 ชั้น นอกจากจะเปลืองแล้ว ความทนทานของสีก็ยังน้อยกว่าด้วย
5.วิธีเลือกสีทาบ้านภายนอก และ สีทาบ้านภายใน
สีทาบ้านภายนอก
- เลือกสีที่ทนต่อสภาพอากาศ ความร้อนแสงแดด แรงลม ความชื้น และภาวะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
- สามารถขัดหรือทำความสะอาดรอยเลอะหรือความสกปรกออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายเนื้อสีให้เสียหาย
- ป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำได้ดีด้วยสารเติมแต่งหากสัมผัสกับน้ำฝนหรือความชื้น
- เลือกเฉดสีให้เหมาะสมกับธรรมชาติโดยรอบ
- เลือกสีที่สามารถสะท้อนความร้อนได้มาก เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในบ้านเย็น และช่วยประหยัดพลังงาน
สีทาบ้านภายใน
- เนื้อสีต้องมีความละเอียดเป็นเงางาม
- สามารถเช็ดทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อน รอยด่างดำได้ง่าย และทนต่อแรงถูขัด
- ป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย และคราบหมองคล้ำที่เกิดจากเชื้อรา
- ไม่มีกลิ่นฉุน กลิ่นสารระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยหรือทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในห้องนอน หรือห้องของเด็กๆ
6.ทาสีผนังบ้าน ยังไงให้สวย
-
- ทำความสะอาดผนัง : ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก่อนทาสีก็คือ ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หยากไย่ หรือแม้กระทั่งผิวขรุขระบนผนัง ควรจัดการให้เรียบร้อย จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำเช็ด แล้วจึงใช้น้ำสะอาดล้างฟองสบู่ออกตามอีกครั้ง
- ทาสีตัดขอบระหว่างเพดานและผนัง : กรณีที่ใช้สีเพดานและผนังต่างกัน ใช้แปรง 2 นิ้วหรือ 2.5 นิ้วเริ่มทาสีที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก่อน แล้วค่อย ๆ ทาสีเพดานส่วนที่ชนผนังทั้ง 4 ด้าน พยายามอย่าให้สีเกินไปโดนผนังเด็ดขาด หากมีสีเปื้อนควรรีบเช็ดออกทันที
- ทาสีเพดาน : หลังจากตัดขอบแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือให้ใช้ลูกกลิ้งทาสีได้เลย ก่อนการทาควรจะล้างสีที่ตกค้างออกจากแปรงหรือลูกกลิ้งทาสีออกให้หมด และเริ่มลงแปรงสีตามแนวขวางของเพดาน ทิศทางการทานั้นควรจะเป็นจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย
- ทาสีผนัง : เริ่มจากใช้แปรงทาขอบผนังก่อน จากนั้นส่วนที่เหลือตรงกลางใช้ลูกกลิ้งทาได้เลย โดยใช้เทปติดที่ขอบหน้าต่างและประตูก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปรอะเปื้อนบริเวณดังกล่าว
- ติดเทปก่อนการทาสีประตูและหน้าต่าง : เป็นการป้องกันไม่ให้สีที่ทาประตูและหน้าต่างเลอะผนังที่ทาไว้แล้ว ให้ติดเทปบริเวณผนังรอบ ๆ กรอบหน้าต่างและประตูก่อนทา พยายามเลี่ยงการทาทับเทป เพราะอาจมีสีซึมลงไปและที่สำคัญไม่ควรทาเกินขอบเทปด้วย
7.เลือกสีทาบ้านให้เหมาะสม
สีทาบ้านถือเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความสว่างของห้องและภายในบ้านเป็นอย่างมาก เดลูต้าขอแนะนำว่า หากต้องการให้แสงสว่างภายในบ้านมากพอ เพื่อจะที่ช่วยประหยัดค่าไฟ ควรเลือกใช้สีโทนสว่าง เช่น สีขาว ครีม เหลืองอ่อน ฟ้า เป็นต้น แต่หากห้องของเรามีหน้าต่างเป็นจำนวนมากทำให้แสงเข้ามาเยอะจนสว่างมากเกินไป ก็สามารถเราเลือกทาสีภายในเป็นสีเข้มได้ เพื่อปรับโทนแสงในห้องไม่ให้สว่างมากจนเกินไปได้
นอกจากนี้ การเลือกสีทาบ้านที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติพิเศษ ก็ยิ่งช่วยให้การทาสีบ้านมีความคุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะสีเกรดพรี่เมี่ยมที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี ทาครั้งเดียว ติดทนจนลูกโต ไม่ต้องทาบ่อย ๆ มากไปกว่านั้น สีเกรดพรี่เมี่ยม จะมาพร้อมคุณสมบัติที่พิเศษเสมอครับ
ขอแนะนำ สี Delta ChillSHIELD
สีเดลต้าชิลชิลด์ (DELTA ChillSHIELD) สีที่ดีที่สุดในรอบ 40 ปีของสีเดลต้า สีเกรด Ultra Premium มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษหลากหลาย ตอบโจทย์กับบ้านในยุคปัจจุบัน หากเลือกใช้แล้ว จะได้ความคุ้มค่ากลับมาชัวร์ เพราะ เป็นสีที่ทาทับหน้าเพียงแค่ 1 รอบ ก็สามารถติดทนนาน ไม่ต้องทาซ้ำ ให้เหนื่อยแรงช่าง เสียค่าแรง แถมมีเนื้อสีเยอะ ทำให้ทาได้พื้นที่มากขึ้น ลดการใช้สีน้อยลง จากเคยใช้ 10 ถัง เดลต้าชิลชิลด์ ใช้แค่ 6 ถังเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติ สะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็น สบาย เข้าอยู่ได้ทันที ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย Low VOC เรื่องเช็ดล้าง ไม่ต้องกังวล เช็ดล้างง่าย ได้มากกว่าแสนรอบ ก็ยังติดทนนานสูงสุดถึง 15 ปีเลยทีเดียว และยังเป็นสีที่เป็นมิตรกับโลก ประหยัดพลังงานการผลิต แถมใช้น้อยลง ก็ช่วยลดจำนวนถังสีที่เป็นขยะพลาสติกได้ด้วย เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคุ้มค่า ประหยัดแค่ไหน ถ้าเลือกใช้ สีเดลต้าชิลชิลด์
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว การทาสีบ้านคงเป็นเรื่องง่ายเยอะขึ้นเลยใช่ไหมครับ เดลูต้าก็หวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกสีทาบ้าน และทาสีบ้านได้ถูกใจ ให้บ้านออกมาสวยงามตามที่หวังไว้นะครับ แต่อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อมูลและผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นนะครับ
ใครที่ต้องการปรึกษาปัญหาสีทาบ้าน หรือต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์สีเดลต้า
ทักมาพูดคุยกับเดลูต้าได้นะครับ ที่ Line: @Deltapaint หรือ