“สีเดลต้า (DPAINT)” พร้อมเข้าเทรด mai วันแรก (28 ต.ค.) ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาฯ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี เหตุพื้นฐานแกร่ง-เติบโตสูง เตรียมนำเงินลงทุนปรับปรุงโรงงาน – ซื้อเครื่องผสมสี – สร้างห้อง LAB ด้านโบรกฯให้ราคาเหมาะสมช่วง 9.80 – 13.50 บาทต่อหุ้น มองกำไรในอนาคตเติบโตดี ส่วน PIN และ ONEE กำหนดราคาขายไอพีโอที่ 3.90 บาท และ 8.50 บาท ตามลำดับ
*** mai รับ “สีเดลต้า (DPAINT)”เข้าเทรดวันแรก 28 ต.ค.นี้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai รับหลักทรัพย์ บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก 28 ต.คงนี้ ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
โดย DPAINT และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร (Decorative Paint) ภายใต้ตราสินค้า “DELTA” “TOPTECH” “NATIONAL” “SEAFCO” เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น สีคุณภาพพิเศษ สีคุณภาพสูง และสีคุณภาพคุ้มค่า
สำหรับ DPAINT มีทุนชำระแล้ว 230 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 176.75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 53.25 ล้านหุ้น เสนอขายไอพีโอในราคาหุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 399.38 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 1,725 ล้านบาท
*** นำเงินลงทุนปรับปรุงโรงงาน – ซื้อเครื่องผสมสี – สร้างห้อง LAB
นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DPAINT เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน เตรียมนำไปใช้ลงทุนปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ เพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จากปัจจุบันมี 379 เครื่อง เพื่อให้บริการในร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้นภายในปี 68 อีกทั้งนำไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB ภายในปี 65 นอกจากนี้ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต
โดยเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในธุรกิจสีทาอาคารที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 42 ปี พร้อมวางกลยุทธ์ ขยายตลาดสีทาอาคารในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญทางด้านนวัตกรรม โดยในช่วงไตรมาส 4/64 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสีคุณภาพพิเศษที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่มีอัตรากำไรสูง และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มสีดิสนีย์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ส่วนนางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย DPAINT เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 53.25 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7.50 บาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกินกว่าคาดหมาย ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ รวมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต
*** ระบุช่วง 3 ปี (ปี61-63) รายได้เฉลี่ย CAGR โต 7.2%
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน DPAINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 61 – 63) คิดเป็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ย (CAGR) 7.2% ด้านกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 83.7%
ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5% และมีกำลังการผลิตในโรงงานแห่งที่ 1 อยู่ที่ 3.24 ล้านแกลลอน/ปี ใช้อัตรากำลังการผลิตในครึ่งปีแรกในระดับมากกว่า 90% ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด หรือ Economy of scale
*** โบรกฯ ให้ราคาเหมาะสม 9.80 – 13.50 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า DPAINT เติบโตอย่างมั่นคงตามเทรนด์อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมสีทาอาคารในประเทศมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจ รวมถึงการก่อสร้างทั้งภาคเอกชนโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างภาครัฐ โดยความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างซึ่งรวมถึงสีจะเร่งตัวขึ้น คาดการณ์กำไร 3 ปีข้างหน้า ขยายตัวเฉลี่ย 29.4% CAGR ประเมินกำไรสุทธิช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 64 – 66) จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 29.4% ต่อปี
ผลักดันด้วยรายได้คาดขยายตัว 16% CAGR จาก 1. เศรษฐกิจและภาคก่อสร้างที่ฟื้นตัว 2.แผนการซื้อเครื่องผสมสีเพิ่ม 440 เครื่องในปี 65-68 หนุนการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย 3. การเริ่มดำเนินการโรงงาน 2 ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แม้ราคาต้นทุนวัตถุดิบบางชนิดแปรผันตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ชดเชยได้ด้วยประโยชน์จาก Economy of scale
รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และเน้นขายสีคุณภาพพิเศษและสีคุณภาพสูงที่มาร์จิ้นดี ทำให้คาดรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับสูงราว 42% ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 9.80 บาท
ด้านบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดรายได้บริษัทฯ จะเติบโต 19% CAGR และจะมีกำไรสุทธิเติบโต 27% CAGR ในช่วงปี 63-66 โดยปัจจัยหนุนการเติบโตจากการใช้กำลังการผลิตใหม่ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 65 ด้านแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
และการลงทุนในเครื่องผสมสีขยายตลาดสีทาอาคาร โดยประเมินมูลค่าของ DPAINT อิง PER ในปี 65 ที่ 31.8 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.40 บาท ซึ่งน่าสนใจเมื่อเทียบกับประมาณการณ์ราคา IPO ที่คาดว่าจะอยู่ที่ PER 21-22 เท่า
และบล. หยวนต้า คาดกำไรปกติปี 64 ที่ 54 ล้านบาท โต25.1% จากปี 63 โดยทำจุดสูงสุดใหม่ และปี 65 คากกำไรที่ 78 ลบ. เพิ่มขึ้น 46%จากปี 64 และคาดทำระดับสูงสุดใหม่ถึงปี 67 เป็นอย่างน้อยจากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย และการพัฒนาสินค้าใหม่
จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ DPAINT ที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากการลงทุนในเครื่องผสมสี และผ่านการลงทุนขยายโรงงานไปแล้ว พร้อมกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งหลัง IPO ประเมินมูลค่าด้วยวิธี PER และ DCF (WACC 7.3%, Terminal growth 4%) ได้มูลค่าเหมาะสมปี 2565 ในกรอบ 12.20 – 13.50 บาทต่อหุ้น
*** PIN และ ONEE เคาะราคาขายไอพีโอ
ด้านบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN โดยได้กำหนดราคาเสนอขายไอพีโอ ที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น และกำหนดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 28-29 ต.ค. และวันที่ 1 พ.ย. 64 โดยคาดว่าจะสามารถนำหลักทรัพย์ของ PIN เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในวันที่ 9 พ.ย.นี้
ด้านบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 8.50 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรกในวันศุกร์ที่ 5 พ.ย.64
เรียบเรียง ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์. reporter@efinancethai.com
“สีเดลต้า (DPAINT)” พร้อมเข้าเทรด mai วันแรก (28 ต.ค.) ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาฯ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี เหตุพื้นฐานแกร่ง-เติบโตสูง เตรียมนำเงินลงทุนปรับปรุงโรงงาน – ซื้อเครื่องผสมสี – สร้างห้อง LAB ด้านโบรกฯให้ราคาเหมาะสมช่วง 9.80 – 13.50 บาทต่อหุ้น มองกำไรในอนาคตเติบโตดี ส่วน PIN และ ONEE กำหนดราคาขายไอพีโอที่ 3.90 บาท และ 8.50 บาท ตามลำดับ
*** mai รับ “สีเดลต้า (DPAINT)”เข้าเทรดวันแรก 28 ต.ค.นี้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai รับหลักทรัพย์ บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก 28 ต.คงนี้ ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
โดย DPAINT และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร (Decorative Paint) ภายใต้ตราสินค้า “DELTA” “TOPTECH” “NATIONAL” “SEAFCO” เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น สีคุณภาพพิเศษ สีคุณภาพสูง และสีคุณภาพคุ้มค่า
สำหรับ DPAINT มีทุนชำระแล้ว 230 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 176.75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 53.25 ล้านหุ้น เสนอขายไอพีโอในราคาหุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 399.38 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 1,725 ล้านบาท
*** นำเงินลงทุนปรับปรุงโรงงาน – ซื้อเครื่องผสมสี – สร้างห้อง LAB
นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DPAINT เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน เตรียมนำไปใช้ลงทุนปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ เพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จากปัจจุบันมี 379 เครื่อง เพื่อให้บริการในร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้นภายในปี 68 อีกทั้งนำไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB ภายในปี 65 นอกจากนี้ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต
โดยเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในธุรกิจสีทาอาคารที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 42 ปี พร้อมวางกลยุทธ์ ขยายตลาดสีทาอาคารในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญทางด้านนวัตกรรม โดยในช่วงไตรมาส 4/64 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสีคุณภาพพิเศษที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่มีอัตรากำไรสูง และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มสีดิสนีย์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ส่วนนางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย DPAINT เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 53.25 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7.50 บาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกินกว่าคาดหมาย ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ รวมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต
*** ระบุช่วง 3 ปี (ปี61-63) รายได้เฉลี่ย CAGR โต 7.2%
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน DPAINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 61 – 63) คิดเป็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ย (CAGR) 7.2% ด้านกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 83.7%
ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5% และมีกำลังการผลิตในโรงงานแห่งที่ 1 อยู่ที่ 3.24 ล้านแกลลอน/ปี ใช้อัตรากำลังการผลิตในครึ่งปีแรกในระดับมากกว่า 90% ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด หรือ Economy of scale
*** โบรกฯ ให้ราคาเหมาะสม 9.80 – 13.50 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า DPAINT เติบโตอย่างมั่นคงตามเทรนด์อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมสีทาอาคารในประเทศมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจ รวมถึงการก่อสร้างทั้งภาคเอกชนโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างภาครัฐ โดยความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างซึ่งรวมถึงสีจะเร่งตัวขึ้น คาดการณ์กำไร 3 ปีข้างหน้า ขยายตัวเฉลี่ย 29.4% CAGR ประเมินกำไรสุทธิช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 64 – 66) จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 29.4% ต่อปี
ผลักดันด้วยรายได้คาดขยายตัว 16% CAGR จาก 1. เศรษฐกิจและภาคก่อสร้างที่ฟื้นตัว 2.แผนการซื้อเครื่องผสมสีเพิ่ม 440 เครื่องในปี 65-68 หนุนการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย 3. การเริ่มดำเนินการโรงงาน 2 ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แม้ราคาต้นทุนวัตถุดิบบางชนิดแปรผันตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ชดเชยได้ด้วยประโยชน์จาก Economy of scale
รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และเน้นขายสีคุณภาพพิเศษและสีคุณภาพสูงที่มาร์จิ้นดี ทำให้คาดรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับสูงราว 42% ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 9.80 บาท
ด้านบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดรายได้บริษัทฯ จะเติบโต 19% CAGR และจะมีกำไรสุทธิเติบโต 27% CAGR ในช่วงปี 63-66 โดยปัจจัยหนุนการเติบโตจากการใช้กำลังการผลิตใหม่ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 65 ด้านแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
และการลงทุนในเครื่องผสมสีขยายตลาดสีทาอาคาร โดยประเมินมูลค่าของ DPAINT อิง PER ในปี 65 ที่ 31.8 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.40 บาท ซึ่งน่าสนใจเมื่อเทียบกับประมาณการณ์ราคา IPO ที่คาดว่าจะอยู่ที่ PER 21-22 เท่า
และบล. หยวนต้า คาดกำไรปกติปี 64 ที่ 54 ล้านบาท โต25.1% จากปี 63 โดยทำจุดสูงสุดใหม่ และปี 65 คากกำไรที่ 78 ลบ. เพิ่มขึ้น 46%จากปี 64 และคาดทำระดับสูงสุดใหม่ถึงปี 67 เป็นอย่างน้อยจากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย และการพัฒนาสินค้าใหม่
จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ DPAINT ที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากการลงทุนในเครื่องผสมสี และผ่านการลงทุนขยายโรงงานไปแล้ว พร้อมกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งหลัง IPO ประเมินมูลค่าด้วยวิธี PER และ DCF (WACC 7.3%, Terminal growth 4%) ได้มูลค่าเหมาะสมปี 2565 ในกรอบ 12.20 – 13.50 บาทต่อหุ้น
*** PIN และ ONEE เคาะราคาขายไอพีโอ
ด้านบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN โดยได้กำหนดราคาเสนอขายไอพีโอ ที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น และกำหนดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 28-29 ต.ค. และวันที่ 1 พ.ย. 64 โดยคาดว่าจะสามารถนำหลักทรัพย์ของ PIN เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในวันที่ 9 พ.ย.นี้
ด้านบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 8.50 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรกในวันศุกร์ที่ 5 พ.ย.64
เรียบเรียง ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์. reporter@efinancethai.com